การตักบาตรแบบถูกต้องได้อานิสงส์มาก
 
 
     การตักบาตรเป็นการทำบุญที่ชาวพุทธทั่วไปรู้จักและปฏิบัติมากกว่าการทำบุญประเภทอื่น ๆ  การตักบาตรนั้นยังถือว่าเป็นการทำบุญประจำวันของชาวพุทธ  และชาวพุทธไทยเชื่อว่า การออกบิณฑบาตรของพระสงฆ์เป็นการช่วยโปรดสัตว์ที่อยู่ในอบายภูมิ เช่น เปรตวิสัย  ให้ได้รับส่วนบุญ  ด้วยเหตุผลทางจริยธรรม  ในการทำบุญตักบาตรนั้น  พอสรุปได้ดังนี้
     1. เป็นการสั่งสมบุญในแต่ละวัน  เพราะการสั่งสมเป็นเหตุนำความสุขมาให้
     2. เป็นการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทำบุญทำให้จิตใจแจ่มใส  เพื่อให้มีกำลังใจที่เข้มแข็ง  เพราะผู้ที่ไม่มีบุญเกื้อหนุนอยู่ในใจ  ย่อมพ่ายแพ้ต่อบาปได้ง่าย
     3. เป็นการทำที่พึ่งคือบุญให้แก่ตนเองในอนาคต
     4. เป็นการช่วยรักษาพุทธประเพณี  เพราะพระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตและที่จะมาตรัสรู้ในอนาคตด้วยแต่ดำรงพระชนม์ชีพด้วยอาหารบิณฑบาต
     5. เป็นการช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนา  เพราะพระสงฆ์เป็นผู้ศึกษา ปฏิบัติพระธรรมวินัย แล้วนำมาสั่งสอนให้ประชาชนได้รับรสแห่งพระธรรมด้วย  อีกทั้งยังดำรงตนเป็นตัวอย่างด้านความประพฤติดีงามของสังคม   ฉะนั้น ชาวพุทธควรทำบุญตักบาตรเป็นประจำทุกวัน  เพื่อเป็นการสั่งสมบุญให้แก่ตนเองที่จะต้องนำไป  ดุจเสบียงเดินทางในการท่องเที่ยวเวียนเกิดและเวียนตายอยู่ในวัฏฏสงสาร  อันไม่ปรากฏเบื้องต้นและที่สุด  และบุญที่สั่งสมไว้นี้ จะช่วยเกื้อกูลให้พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้
     อนึ่ง  ประโยชน์ส่วนรวมที่จะเกิดขึ้น คือ เป็นการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา  เพราะพระสงฆ์ซึ่งเป็นผู้นำของพุทธบริษัท  ที่เป็นฐานกำลังสำคัญแห่งกองทัพธรรมนั้น  ท่านดำรงชีพอยู่ได้ด้วยปัจจัยที่คฤหัสถ์จัดถวาย   ท่านจึงสามารถมีกำลังกาย  กำลังใจที่จะศึกษาพระพุทธพจน์ คือ พระไตรปิฎก ให้เข้าใจ ทรงจำ นำมาประพฤติปฏิบัติ และกล่าวสอนมวลมนุษย์ได้
     การทำบุญตักบาตรจะสมบูรณ์ได้ต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญดังนี้
     1. ต้องเตรียมใจให้พร้อม  ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะบุญที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ใจของผู้ถวาย  ท่านแนะนำให้รักษาเจตนาให้บริสุทธิ์ทั้ง 3 ขณะ คือ
         1.1 ก่อนถวาย  ตั้งใจเสียสละอย่างแท้จริง
         1.2 ขณะถวาย  ก็มีใจเลื่อมใส ถวายด้วยความเคารพ
         1.3 หลังจากถวายแล้ว  ต้องยินดีในทานของตัวเองจิตใจเบิกบานเมื่อนึกถึงทานที่ตนเองได้ถวายไปแล้ว  การทำใจให้ได้ทั้ง 3 ขณะดังกล่าวนี้ นับว่ายากมาก  เพราะมีเหตุปัจจัยหลายอย่างที่อาจทำให้จิตใจของเราเศร้าหมองในขณะใดขณะหนึ่งได้
     2. ผู้รับ คือ พระภิกษุสามเณร  เป็นผู้สำรวมระวัง  มีข้อวัตรปฏิบัติที่ดีงามตามพระธรรมวินัย  ใฝ่ศึกษาเล่าเรียน พระพุทธพจน์ทรงจำ นำมาบอกกล่าว สั่งสอนได้  และเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติเพื่อบรรเทาราคะ โทสะ โมหะ จนสามารถละขาดได้อย่างสิ้นเชิง
     3. สิ่งของที่ถวาย  จะต้องได้มาด้วยวิธีที่สุจริต  ไม่เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน และที่สำคัญคือสิ่งนั้นต้องเหมาะสมแก่พระภิกษุสามเณรด้วย
     ทำบุญตักบาตรให้หมั่นอธิษฐาน
     เมื่อองค์ประกอบ 3 อย่างข้างต้นบริบูรณ์  สิ่งที่จะต้องทำก่อนตักบาตร คือ "การอธิษฐาน" การอธิษฐานนี้นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง  เพราะจะทำให้บุญของเราหนักแน่น ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น  และยังทำให้เราทราบเป้าหมายในการทำบุญด้วย  นอกจากนี้ การอธิษฐานยังสามารถสร้างพลังขึ้นในจิตใจให้มากขึ้น เป็นการสั่งกำลังแห่งความบากบั่น อดทน เพื่อเป็นพื้นฐานที่สำคัญให้เราก้าวไปสู่สิ่งที่ปรารถนาได้  การอธิษฐานในขณะที่บำเพ็ญบุญนั้น  ผลบุญย่อมหนุนส่งให้สำเร็จตามที่ปรารถนาไว้  ถึงแม้จะขึ้นอยู่กับเวลาและโอกาสบ้างก็ตาม   แต่ความดีที่ทำไว้ย่อมไม่เสียหายไปแน่นอน
     ฉะนั้น ก่อนตักบาตร   ควรอธิษฐานโดยนั่งหรือยืนก็ได้  แล้วแต่สถานที่จะอำนวย  ยกสิ่งของที่จะถวายขึ้นเสมอหน้าผากแล้วอธิษฐานตามที่ต้องการที่ชอบธรรมเป็นภาษาใดก็ได้  จะว่าในใจหรือออกเสียงเบา ๆ ก็ได้  จากนั้นจึงถวายอาหารบิณฑบาตด้วยความเคารพ  ถ้ามีดอกไม้ธูปเทียนให้ถวายหลังจากที่ถวายอาหารบิณฑบาตเสร็จแล้ว  ถ้าเป็นสตรีให้วางดอกไม้ธูปเทียนไว้บนฝาบาตร เมื่อพระท่านปิดบาตรแล้ว
     คำอธิษฐานก่อนตักบาตร
     ตามหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา  มีเป้าหมายเพื่อให้มนุษย์ปลดเปลื้องตนเองจากทุกข์  มีจิตใจเป็นอิสระเหนือทุกข์ทุกอย่าง (พระนิพพาน)  หลักการดำเนินชีวิตของชาวพุทธนั้นต้องสอดคล้องกับเป้าหมายดังกล่าว  ซึ่งพระโบราณาจารย์ท่านจึงบัญญัติคำอธิษฐานที่เป็นสากลนิยมไว้ว่า
     "อิ ทัง ทานัง สีละวันตานัง ภิกขูนัง นิยยาเทมิ สุทินนัง วะตะ เม ทานัง นิพพานะปัจจะโย โหตุ อะนาคะเต กาเล ฯ 
     ข้าพเจ้าขอน้อมถวายทานนี้แด่พระสงฆ์ผู้มีศีล  ขอท่านที่ข้าพเจ้าถวายดีแล้ว  จงเป็นเหตุให้ถึงพระนิพพาน ในอนาคตกาล เบื้องหน้าโน้นเทอญฯ"
     อีกบทหนึ่งเป็นคำอธิษฐานถึงพระสังฆรัตนะ ว่า
     นัต ถิ เม สะระณัง อัญญัง , สังโฆ เม สะระณัง วะรัง , เอเตนะ สังจะวัชเชนะ , โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา ฯ
     ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี  พระสงฆ์เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า ด้วยคำสัตย์นี้  ขอความสวัสดีจงมีแก่ข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อ เทอญ ฯ
 

 

 

 

 
 

 

sanook

kapook

mthai

hunsa

teenee

bloggang
          
          

สำนักนายกรัฐมนตรี

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กระทรวงกลาโหม

กระทรวงการคลัง

กระทรวงการต่างประเทศ

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
 

กระทรวงคมนาคม
 
 

กระทรวงพลังงาน

กระทรวงพาณิชย์

กระทรวงมหาดไทย

กระทรวงยุติธรรม

กระทรวงแรงงาน

กระทรวงวัฒนธรรม

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

กระทรวงศึกษาธิการ

กระทรวงสาธารณสุข

กระทรวงอุตสาหกรรม

 
WEB DESIGN BY CORRESPONDENCE : 2011